ผู้เขียน หัวข้อ: นิทานก้อมหรือนิทานพื้นบ้าน  (อ่าน 9641 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

TEAM DRAGON

  • บุคคลทั่วไป
Re: นิทานก้อม หรือนิทานพื้นเมือง
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: มกราคม 16, 2009, 04:54:35 pm »
  • Publish
  • Publish
  • คราวหน้าก็ขมิบใว้หน่อย

     แฮ่ๆ แฮ่ๆ แฮ่ๆ

    teng

    • บุคคลทั่วไป
    Re: นิทานก้อม หรือนิทานพื้นเมือง
    « ตอบกลับ #16 เมื่อ: มกราคม 16, 2009, 05:20:32 pm »
  • Publish
  • Publish
  • เอ้าเรื่องต่อไป    

                                   เรื่องทลึ่งของมหาเศรษฐี
       
       เรื่องนี้เกิดขึ้นที่บ้านมหาเศรษฐีคนหนึ่ง ......
    เศรษฐี 2 ผัวเมีย ที่ชอบหมกมุ่นกับเรื่อง Sex เป็นอย่างมาก และชอบหาท่าอะไรแปลกๆ
    มาเล่นกันกันอยู่เสมอ
    อยู่มาวันหนึ่งฝ่ายชายได้ไปเจอหนังสือ 108 กระบวนท่าในการมี Sex ( มานมีขายที่ไหนหว่าจะไปซื้อบ้าง โฮ่ะๆๆๆ )
    โอ้วแม่เจ้าซึ่งเป็นที่น่าตกใจ!! 2 คน ใช้เวลาแค่เพียง 1 สัปดาห์ก็สำเร็จทุกกระบวนท่า ทำเอาคนใช้ในบ้านต่าง งง?? กันไปตามๆ กัน แต่สำหรับคนใช้ในบ้านนี้เค้าชินกับ 2 ผัวเมียนี้มานานมากแล้ว ไม่ว่าจะเป็น ในห้องนอน ในห้องน้ำ ราวบันได หรือทุกทีที่อยู่ในบ้าน เค้าก็ได้เห็นมาหมดแล้ว และแล้วก็มีเรื่องให้คนใช้แปลกใจ วันนี้ 2 ผัวเมียคู่นี้ไม่มีอะไรกัน
    เป็นไปได้รึเนี่ย?? ตลอด 8 ปีที่คนใช้อยู่บ้านนี้มาต้องเห็นทุกวัน แต่วันนี้ไม่
    เค้าทั้งคู่กับพากันไปดูหนัง หรือว่าเค้าจะไปเล่นกันที่โรงหนัง เหอๆๆๆ ไม่เลย เค้ารู้สถานที่
    ที่จะเล่นกันแค่ในบ้านเท่านั้น และแล้วตกค่ำวันนี้เอง ทั้งคู่ก็กลับมาหลังจากไปดูหนังเรื่อง MI2 ( เก่าโคตรเลย ) ทั้งคู่ก็พากันเข้าห้องนอน แล้วฝ่ายชายเองก็ติดใจท่าที่พระเองหนังโรยตัวลงมาจากเพดาน ฮันเน่!! คิดท่าใหม่ๆได้อีกแล้ว และแล้วทั้งคู่ก็ไม่รอช้า เอาเชือกผูกกับตัว แล้วโยงขึ้นไปบนเพดาน หลังจากนั้น ฝ่าย ญ ก็ไปอยู่ขอบหน้าต่างอีกมุมห้อง ส่วนฝ่าย ช ไปอยู่ตรงประตูของอีกฝั่งห้องเช่นกัน ทั้งคู่ก็ทำการ แกว่งตัวเข้าหากันจากคนล่ะฝั่ง ลอยมา....ลอยมา....จนมาชนกันจุดนัดพบพอดี ( เหอๆๆๆ ช่างคิดแฮะ )
    ฝ่าย ญ เริ่มสนุก จึงขออีกรอบ ทั้งคู่ได้กลับไปจุดเริ่มต้นใหม่อีกครั้งเพื่อทำการแขว่งตัวเข้าหากัน เอ้า พร้อมนะ 1...2...3 ฟิว........ทั้งคู่ลอยเข้าหากันเหมือนเดิม ใกล้เข้ามา.......ใกล้เข้าเรื่อยๆ.........แต่โอ้วแม่เจ้า!! ครั้งนี้พลาดเป้า ทั้งคู่ไม่ชนกัน แต่สวนกันไป ฝ่าย ช เชือกดันขาด ทะลุกระจกห้องนอนออกไป เข้าสวนหน้าบ้านพอดี คนสวนเห็นดังนั้นจึงรีบเข้าไปช่วยทันที
    คนสวน : คุณผู้ชายเป็นไรมากไหม
    คุณผู้ชาย : ฉันไม่เป็นอะไรมากหร๋อก แค่จุกนิดหน่อย
    คนสวน : งั้นผมช่วยพยุงขึ้นห้องนะครับ
              จากนั้นคนสวนก็ได้พาคุณผู้ชายขึ้นห้อง  ระหว่าที่เปิดประตูห้องเข้าไปนั้นเอง
    คนสวน : คุณผู้ชายครับ ทำไมประตูมันผืดๆ
    คุณผู้ชาย : ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน
              ทั้งคู่ช่วยกันเปิดประตูจนสำเร็จ
         หลังจากเข้าไปในห้อง ได้ยินแต่เสียง เมียตัวเอง แต่ไม่เห็นใคร
    คุณผู้ชาย : นี่ๆ เธออยู่ตรงไหนอ่ะ
    คุณผู้หญิง : ฉันอยู่ตรงนี้ โอ้ย....... ซีสสสสสส.....
         ทั้งคุณผู้ชาย และคนสวนช่วยกันมองหาไปรอบๆ ห้องก็ไม่เห็น
         ทันได้นั้นเองเสียงคุณผู้หญิงก็ดังขึ้นอีกว่า
    คุณผู้หญิง : เอาฉันออกไปที โอ้ย........
         ทั้งคู่หันไปหาเสียงนั้นทันที แล้วก็ต้องตกตะลึง!!
          เพราะว่าคุณผู้หญิงได้ติดกับประตู
          แต่มันติดไปได้อย่างไร ทั้งคู่ถึงกับ งง
           และแล้วทุกอย่างก็ประจักษ์ขึ้นเมื่อคุณผู้ชายกับคนสวนเดินไปช่วยคุณผู้หญิง
          ของคุณผู้หญิงถูกลูกบิดประตูเสียบ........ :-X



    เหอๆๆ ทะลึ่งวันล่ะนิดจิตแจ่มใส
    ............
    นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าอย่าเล่นอะไรพิเรน โฮ่ะๆๆๆๆ

     แฮ่ๆ แฮ่ๆ แฮ่ๆ

    ampmobile

    • บุคคลทั่วไป
    Re: นิทานก้อม หรือนิทานพื้นเมือง
    « ตอบกลับ #17 เมื่อ: มกราคม 18, 2009, 09:48:45 am »
  • Publish
  • Publish
  • เซียงเมี่ยงนุ่งซ่งดากขาด 
     

    อันว่าชีวิตคนเฮานี้ มันกะบ่เที่ยงแท้แน่นอนเนาะ คือจั่งเพิ่นว่า

    ความแน่นอน คือความบ่แน่นอน

    ความบ่แน่นอน คือความแน่นอน

    ความบ่แน่นอน นั่นล่ะ ที่บ่แน่นอน ..... แล้วแต่ผู้ได๋สิเว้าสิว่า ล่ะหวา

    เกิดแก่เจ็บตาย เป็นเรื่องธรรมดา สำหรับคนบ่ธรรมดา

    เกิดแก่เจ็บตาย เป็นเรื่องบ่ธรรมดา สำหรับคนธรรมดา ....

    เอ้า... แวเข้ามาฟังเรื่องเซียงเมี่ยงต่อเนาะ... หลวงพ่อวัดหลวง เพิ่นกะอายุหลายแล้ว โรคชรามาเบียดเบียน เพิ่นกะเลย อำลาพาจากสังขารร่างกาย ที่เสื่อมโทรมไปเนาะ .. กะตายนั่นล่ะ.. จั่งแม่นเว้ายืดยาวเนาะ ผู้เว้ากะดาย....

    เอ้อ...นั่นล่ะ... หลวงพ่อเลาตอยจ้าย ตายจ้อย พระราชากะเป็นเจ้าภาพ จัดงานศพเด้ ฮาลังมื้อพระราชากะไปเอง ฮาลังมื้อกะบ่ได้ไป

    มีมื้อนึง พระราชาเลาบ่ได้ไป กะเลยจัดให้เซียงเมี่ยง เป็นคนนำทีม พานางสนมกำนัลไปพิตี๋ (เสแสร้ง) ฮ้องไห้ในงานศพ ว่าซั่นเถาะ

    “ ไป ไป เซียงเมี่ยง พาสนมกำนัล ไปซ่อยฮ้องไห ้งันงานศพหลวงพ่อเด้อ มื้อนี้”

    เซียงเมี่ยง เลาบ่ค่อยถืกกันกับ พวกสนมกำนัลอยู่แล้วเนาะ

    พอไปฮอดหม่องจัดงานศพ นางสนมกำนัล กะพากัน นั่งอยู่หน้าโลงศพ ฮ้องไห้ซิมซิ ซิมซิ กะมี ไห้หงืก หงืก กะมี ไห้งือ งือ กะมี น้ำตาบ่ไหล กะทำเป็นเซ็ดๆ ถูๆ เด้เดียวหนิ แสดงคื้อคือ ปานคณะหมอลำหมู่ เอาโลด กะยังว่า

    เซียงเมี่ยงคึดม่วน กะเลยหาทางแกล้งสนมกำนัล ซั่นแหล่ว เซียงเมี่ยง ลุกออกมา แล้วกะหาหม่องบ่มีคนเห็น ถอดซ่งออก แล้วกะ เอามีดปาดดากซ่ง ให้เป็นซ่งขาดดาก เอามานุ่งใหม่ แล้วกะย่างกลับคืนมาในงาน

    เซียงเมี่ยง กะคลานก่อมก้อย ก่อมก้อย เข้าไปต่อหน้าโลงศพ ผ่านหน้าสนมกำนัลทั้งหลาย.... หมู่เจ้ากะคึดเบิ่งเอานั่นเถาะ คนนุ่งซ่งขาดดาก คุกเข่าคลาน หันดากหาท่านผู้ชมทั้งหลาย มันสิเป็นภาพจั่งได๋ ....

    สนมกำนัลทั้งหลาย เหลียวเห็นเซียงเมี่ยง นุ่งซ่งขาดดาก กะอยากหัว อดหัวบ่ไหว กะเลยพากันหัวร่อเด้ ผู้แรกหัวขึ้น ผู้ที่สองกะหัวนำ ผู้ที่สามกะหัวสมทบล่ะตี้ ผู้ที่สี่ ห้า หก เจ็ด..... จนเหมิดซุคน พากันหัวร่อคิก ๆ คัก ๆ หัวร่ออั๊ก ๆ กะยังว้ากะยังว่า

    กะย่อนว่าสนมกำนัลทั้งหลาย บ่ได้เศร้าโศกเสียใจอีหลีเนาะ ฮ้องไห้กะแค่ พิตี๋ไห้ซื่อๆ เจอมุขตลกเซี่ยงเมี่ยงเข้า กะเลยอดหัวบ่ไหว ซั่นแหล่ว

    พองานแล้วแล้ว เซี่ยงเมี่ยง กะเลย เอาแส้มาตีโบย ลงโทษสนมกำนัลทั้งหลาย พวกสนมกำนัล บ่พอใจ กะเลยไปฟ้องพระราชา ว่าถืกเซียงเมี่ยงตี ให้พระราชาลงโทษ เซียงเมี่ยงให้แหน่ ว่าซั่น

    เซี่ยงเมี่ยง กะทำทรงถามพระราชาว่า

    “ คนที่ขัดคำสั่งของพระองค์ บ่เฮ็ดตามคำสั่งของพระองค์ สมควรถืกตีโบย แม่นบ่ พระเจ้าค่า”

    “ แมนยุ ” พระราชาว่า

    “ที่ตีโบยสนมกำนัลไป กะย่อน สนมกำนัลพวกนี้ ขัดคำสั่งพระองค์ นั่นล่ะ พะเจ้าค่า”

    “ ขัดคำสั่งจั่งได๋ ว่ามาเบิ่งดู้ ” พระราชาถาม

    “ พระองค์ให้คุมสนมกำนัลทั้งหลาย ไปฮ้องไห้ ในงานศพ แต่ว่าสนมกำนัลพวกนี้ บ่เซื่อฟังพระองค์ ขัดคำสั่งพระองค์ บังอาจหัวร่อคิก ๆ คัก ๆ ในงานศพ เป็นการบ่สมควรอย่างยิ่ง"

    พระราชาหันหน้าไปทางสนมถามว่า

    “ พวกเจ้าได้หัวร่อ ในงานศพอีหลีบ่? ”

    “ ได้หัวยุ ... กะมันเป็นตาอยากหัว... ไผสิอดหัวได้..” สนมว่า

    เซียงเมี่ยง กะเลยเว้าต่อ

    “ คันจั่งซั่น ที่ข้าพระองค์ ตีโบยไป กะถืกต้องแล้ว แม่นบ่ พระเจ้าค่า”

    พระราชา บ่ฮู้ว่าสิเอาผิดเซียงเมี่ยงจั่งได๋ กะเลยปล่อยเลยตามเลย ให้แล้ว ๆ กันไป สะล่ะล่ะ

    นางสนมกำนัลทั้งหลาย กะเสียทีเซียงเมี่ยง อีกตามเคย ซั่นแหล่ว
     

    ampmobile

    • บุคคลทั่วไป
    Re: นิทานก้อม หรือนิทานพื้นเมือง
    « ตอบกลับ #18 เมื่อ: มกราคม 18, 2009, 09:58:30 am »
  • Publish
  • Publish
  • ตั๋วเอาปลา 
     

    มีท้าวอั่นนึง เลาบวชดนจนได้เป็นจารย์ สึกออกมา แล้วกะได้เมียผู้สาวงาม ๆ ผู้นึง เด้ (เอิ้นเลาว่าจารย์เถิงซะเนาะ) จารย์เถิงเลาอยู่กินกับเมีย บ่ทันดน เมียเลากะมีท้อง (เอ๋า...หัวตะมีท้องซั่นบ้อ... เอาหยังใส่แนวกินน้อนอ..) ....หมายถึงว่า มีลูกอยู่ในท้องนั่นล่ะ... ท้องใหญ่ใกล้คลอดแล้วมั้ง..

    มื้อนึงจารย์เถิง เลาไปสาปลา สิหาปลามาสู่เมียกินนั่นล่ะ สาปลาอยู่

    บ๋อม จ่อก บ๋อม จ่อก ๆๆๆๆๆๆ

    จนน้ำใกล้แห้งแล้วเด้

    พอดี้ เซียงเมี่ยง ออกจากบ้านมา กำลังสิไปนาเด้ ย่างผ่านมาเลาะนั้น ได้ยินเสียง บ๋อม จ่อก บ๋อม จ่อก อยู่ เกิดความสงสัย กะเลยเลาะเลียบไปเบิ่ง เห็นจารย์เถิงกำลังสาปลาอยู่ ซั่นแหล่ว

    น้ำแห้งพอดี จารย์เถิงกะลงมือจับปลาใส่ข้อง นั่นแหล่ว ปลากะหลายคัก มีเทิงปลาดุก ปลาค่อ ปลาเข็ง ปลาจิเดิด เด้ เลากะจับเอาจับเอา กะยังว้ากะยังว่า

    กำลังจับปลาม่วน ๆ เซียงเมี่ยง ผัดโผล่ป่อดล่อดออกมา

    “ เอ้า พ่อลุง เฮ็ดหยังอยู่น้อนอ ”

    “ อ้าว... เซียงเมี่ยงติ ....กะตามที่เห็นนั่นล่ะ” จารย์เถิงตอบอย่างไว้ภูมิ เด้

    “ โฮ้ บวกนี้ ปลาหลายคักน้อ ลุงน้อ ”

    “ ปลาหลาย กะหั่งว่าอยู่ดอก... ของแนวนี้ หาเอาไผเอามันตั้ว ” จารย์เถิงเว้าแบบกั๊กไว้เนาะ

    “ กะบ่ได้ว่าหยังเด้ล่ะ ” เซียงเมี่ยงว่า

    “ เอ้อ..เซี่ยงเมี่ยง.. เขาคือลือคือซากันคักแท้ ว่าเจ้าตั๋วเก่ง คันว่าตั๋วเก่งอีหลี ลองตั๋วเอาปลาข้อยเบิ่งกะดู้”

    “ สิมาตั๋ว มาเต๋อหยังอยู่หนี่ เมียเจ้าเจ็บท้องออกลูกอยู่บ้าน ฟ้าวเข้าไป เบิ่งเมียเจ้านั่นปาหยัง อุตส่าห์สิมาบอกข่าว มาชวนคุยอยู่ได้”

    จารย์เถิง ได้ยินคำว่า “ เมียเจ็บท้องออกลูก ” ท่อนล่ะ ด้วยความเป็นห่วงลูกเมีย ลืมฮอดปลา ฟ้าวแล่นเข้าบ้านอย่างหันเลย

    พอแล่นฮอดเฮือน เห็นเมียนั่งเล่นสำบายเสยอยู่ บ่มีอาการเจ็บท้องออกลูก จักหน่อย จั่งค่อยฮู้ว่า ถืกเซียงเมี่ยงตั๋วแล้ว

    คนเฮากะดายเนาะ ฮาลังเทื่อ สิเว้าจั่งได๋กะบ่เชื่อ ฮาลังเทื่อผัดเชื่อง้ายง่าย เด้บะได๋....

     

    mr_uem

    • บุคคลทั่วไป
    Re: นิทานก้อม หรือนิทานพื้นเมือง
    « ตอบกลับ #19 เมื่อ: มกราคม 18, 2009, 09:11:49 pm »
  • Publish
  • Publish
  •  ;D ;D  หนุกๆๆ มีนิทานหลายภาษาเลย เดี๋ยวนั่งนึกก่อน ::) เดี๋ยวเอาภาษาใต้มาเล่ามั่ง  อิอิอิ

    mr_uem

    • บุคคลทั่วไป
    Re: นิทานก้อม หรือนิทานพื้นเมือง
    « ตอบกลับ #20 เมื่อ: มกราคม 18, 2009, 09:49:18 pm »
  • Publish
  • Publish
  • แจมมั่งหนอยๆ นะคับ เรื่องแต่แรก พี่บ่าวเคยเล่าให้ฟังก่อนนอน สมัยตัวเอียดๆ

    เรื่อง ไอ้ปูดโป่ง (หรือไอ้ตดแข็ง)

    เรื่องมีโหย๋ว่า มีเกลอกันอยู่ 5 คน อันประกอบด้วย ไอ้ปูดโป่ง (เป็นหัวโจก) ไอ้วานเหลี้ยม ไอ้ขี้หมูกมาก ไอ้หูกาง และไอ้ไvยาว มีโหย๋วันหนึ่ง          ไอ้ปูดโป่งได้หารือแล้วชวนบรรดาเพื่อนเกลอทั้งหลายว่า น่าอี้ไปลักไก่หลวงเท่ง เพราะแกเลี้ยงไก่พี ๆ ไว้หลายตัว เท่ฟักโหย๋ในรังก้ายัง พอนัดกันเรียบร้อยแล้วได้เวลาหวันเริ่มมุ้งมิ้ง (หัวค่ำ) ทั้ง 5 คนก้าพายเรือไปหย๊อบ(หยบ = แอบซ่อน) โหย๋ข้าง ๆ เริน(บ้าน)หลวงเท่ง คร่าวจนเห็นเขาดับเกียงนอนกันแล้ว           ไอ้ปูดโป่งในฐานะเป็นหัวหน้าก้ารับอาสาว่า กูอี้ไปจับเอง           ให้ไอ้วานเหลี้ยมขึ้นไปแลต้นทางเป็นเพื่อนคนเดียวพอ      โหม๋สูเท่เหลือให้คร่าวโหย๋ในเรือนี้แหล่ะ
    ว่าแล้วก้าขึ้นไปจับไก่  บนร้าน(ร้าน = คอกไก่) พอจับได้แล้วบังเอิญว่าโรคประจำตัวกำเริบขึ้นพอดี
     (โรคประจำตัวของไอ้ปูดโป่งก้าคือผายลมเสียงดังปูดโป่ง ๆ หั้นแหล่ะครับจึงได้ฉายาว่า  ไอ้ปูดโป่ง) เท่าหั้นแหล่ะหลวงเท่งก้าตกใจตื่น หวาด(ตะคอก)มาแต่ในเรินว่า"ใคยมาลักไก่กู จับได้ฉัดให้ตาย(ฉัดให้ตาย = เตะให้ตาย)" พอได้ยินเสียงเจ้าของเรินตื่นบรรดาโจรลักไก่ทั้งหลายก้าแขบวิ่งขาพันกันหนิ
    ไอ้วานเหลี้ยมไปถึงเรือก่อน โดดโครมลงไป แย่ขี้นั่ง เนื่องจากวานเหลี้ยมเลยทำให้เรือรั่วรูเติบ (รูใหญ่)
    ส่วนไอ้ปูดโป่งก้าลงเรือตามมาติด ๆ พอเห็นเรือรั่วไอ้ขี้หมูกมาก้าแคว็กขี้หมูก(แคะขี้มูก)มาอุดรูเท่รั่ว ไอ้หูกางก้าชักหูให้กว้างทำใบเรือ
    พอลมพัดเรือก้าเที่ยวหันโอย๋ ไอ้ไvยาว เห็นท่าไม่ดีก้าเลยถอดผ้านุ่งเอาไvคัดท้ายเรือ เท่าหั้นแหล่ะเรือแล่นฉิวเลย     
       ปรากฎว่าหนีเจ้าของไก่ได้พ้น ไม่พักโถกหลวงเท่งจับ นิทานเรื่องเน้สอนให้รู้ว่า คนเราถ้ามีความสามามัคคีกันมีการมอบหมายหน้าเท่ให้ตรง   ตามความถนัดของแต่ละคน มีความรับผิดชอบต่อหน้าเท่ กิจการงานใด ๆ ก้าสำเร็จลงได้แน่นอน แต่น้องไขไวไม่ได้สอนให้เ ไปลักไก่เหมือน 5 เกลอในเรื่องนะครับ เอวังก้ามีด้วยประการละฉะเน้....

    (เหอะๆ จำไม่หมดหรอกคับก๊อบเค้ามาอีกทีเหมียนกัล)

    ออฟไลน์ SE

    • Administrator
    • Hero Member
    • *********
    • กระทู้: 4 271
    • คะแนนน้ำใจ: 100
    Re: นิทานก้อม หรือนิทานพื้นเมือง
    « ตอบกลับ #21 เมื่อ: มกราคม 19, 2009, 02:43:43 am »
  • Publish
  • Publish
  • ม่วนหลาย สุดยอดทางพร้าวเลยนิน้าเณรเห้อ 8)

    ampmobile

    • บุคคลทั่วไป
    Re: นิทานก้อม หรือนิทานพื้นเมือง
    « ตอบกลับ #22 เมื่อ: มกราคม 19, 2009, 05:12:40 pm »
  • Publish
  • Publish
  • พระราชาดมกลิ่นทิพย์ 
     

    ช่วงงานเทศกาลน้อ พวกขุนนาง เสนาอำมาตย์ทั้งหลาย ต่างกะพากันเอาของ มาถวายพระราชา ผู้นั้นเอาอันนั้นมาถวาย ผู้นี้เอาอันนี้มาถวาย เหลือแต่เซียงเมี่ยงผู้เดียว กะยังว้า กะยังว่า ที่บ่ได้เอาอีหยัง มาถวายพระราชาเลย ขนาดเป็นคนสนิทเด้หนิ

    พระราชากะเลยเว้าเปรย ๆ กับเซียงเมี่ยง ต่อหน้าเสนาอำมาตย์ทั้งหลายว่า

    “ เอ เซียงเมี่ยง ผู้อื่นเขาพากันเอานั่นเอานี่ มาให้เฮา มึงบ่มีอีหยังมาให้เฮาบ้อ”

    “ มีอยู่ มื้ออื่นสิเอามาถวายดอก พะเจ้าค่า ” ว่าซั่น เซียงเมี่ยงกะดาย

    พอเลิกประชุม เซียงเมี่ยงกะกลับเฮือน ไปหากินถั่วดินต้ม ไข่ต้มจนอิ่มท้องเด้ แล้วกะหาซื้อ กระบอกไม้ทรงท้องปุ้ง ๆ ปากจ้อม ๆ ลวดลายงาม ๆ มาเตรียมไว้เป็นของถวายพระราชา ว่าซั่นเถาะ

    คนกินถั่วต้ม เนาะ มันกะยืงท้องแหล่วเว่ย ยืงท้องกะต้องตดตี้ล่ะ ตดเซียงเมี่ยง เป็นตดจากถั่วต้ม จากไข่ต้มเนาะ คุณภาพสุดยอดอยู่แล้ว

    เซียงเมี่ยงปวดตดยามได๋ กะตดใส่กระบอกไม ้แล้วกะปิดฝาไว้อย่างดี เด้ เลาตดสะสมไว้ในกระบอกไม้ ตั้งแต่ช่วงกลางคืนจนฮอดเช้า เสร็จเรียบร้อย พอเข้าเฝ้าพระราชา กะเอากระบอกไม้ไปถวาย พร้อมทั้งบอกว่า

    “ ของอยู่ในกระบอก เป็นสิ่งที่มองบ่เห็น มีเฉพาะกลิ่น เป็นกลิ่นทิพย์ ดมแก้ง่วง ดมแล้วหายง่วง ตาซื่นทันทีเลยล่ะ ขอเชิญพระองค์สูดดมได้ตามสบาย พะเจ้าค่า”

    พระราชา ประชุมกับเสนาอำมาตย์มาดนเติบ ฮู้สึกง่วง ๆ เพลีย ๆ คึดอยากทดสอบ ประสิทธิภาพของกลิ่นทิพย์ กะเลยเปิดจุกออก สูดดมอย่างจัง

    ตึบ .....

    เหม็นทึงเอาโลด พระราชาเหม็นคัก หย่อดัง เบ๋ปาก เอามือถุยดัง ..ปิ๊ดปิ๊ด .. ตาซื่นม่อกก่อก ยังว้ากะยังว่า...

    “ โฮ้ ...กลิ่นนี้มันคุ้น ๆ น๊า .. นี่มันกลิ่นอีหยังวะ เอ๋า... อำมาตย์ลองดมเบิ่งดู้..” แล้วกะเด่ ให้อำมาตย์ใหญ่

    อำมาตย์กะรับมาดม กะ เหม็นตึบ คือกัน ตาซื่นม่อกก่อก

    “ กลิ่นนี้มันคุ้น ๆ น๊า ” แล้วกะส่ายหัว บอกบ่แน่ใจว่า มันแม่นกลิ่นอีหยังกันแท้ กะให้อำมาตย์ผู้อื่นลองพิสูจน์ไปเรื่อย ๆ …..

    โฮ้... ลองดมพิสูจน์กันหลายคนอยู่ตั้วล่ะ กั่วกลิ่นตดสิระเหยออกเหมิดกะดาย... กะบ่มีผู้บอกได้ว่า มันแมนกลิ่นอีหยัง บอกได้แค่ว่า “กลิ่นนี้มันคุ้น ๆ น๊า”

    พระราชาเลยถามเซียงเมี่ยงว่า

    “ กลิ่นทิพย์ มันควรสิหอมน่าดอมดม แต่กลิ่นที่มึงเอามาให้ดมนี้ มันเหม็น.... กลิ่นทิพย์ที่มึงว่านี่ ตกลงมันแมนกลิ่นอีหยังกันแท้ มึงบอกมาตามตรง ห้ามตั๋ว”

    “ กลิ่นนี้ ข้าพระองค ์ดมอยู่ซุมื้อซุเว็น ผู้ได๋เป็นเจ้าของกลิ่น ถึงสิเหม็นปานได๋ กะอดทนดม บ่ปากบ่จ่ม ผู้ได๋บ่ได้เป็นเจ้าของกลิ่น ถ้าได้กลิ่นนี้ กะบ่อดทนดม แล้วกะจ่มนำ ข้าพระองค์ กะเลยเอิ้นว่า 'กลิ่นทิพย์' พะเจ้าค่า”

    “ เอ้อ.. แล้วกลิ่นทิพย์ของมึงนี่ มันแมนอีหยัง ”

    “ ตด พะเจ้าค่า ”

    พระราชาพอได้ยินคำว่า “ ตด ” กะสูนอย่างแฮง ที่ถืกบักเซียงเมี่ยง หลอกต้ม ให้ดมตด

    พวกอำมาตย์ทั้งหลาย ที่ได้ดมตดเซี่ยงเมี่ยง กะสูนคือกัน สะล่ะล่ะ

     

     


    Facebook Comments