ผู้เขียน หัวข้อ: เทศกาลกินเจ  (อ่าน 1293 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ danai8029

  • Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 782
  • คะแนนน้ำใจ: 4
    • อีเมล์
เทศกาลกินเจ
« เมื่อ: ตุลาคม 05, 2010, 07:50:24 am »
  • Publish
  • Publish
  • เทศกาลกินเจ





               เทศกาลกินเจ จะจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เริ่มตั้งแต่ 1 ค่ำ ถึง 9 ค่ำ เดือน 9 นับตามปฏิทินจีน ซึ่งจะตรงกับเดือนตุลาคมของไทย และในปีนี้
    เทศกาลกินเจจะเริ่มตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 7 ตุลาคม ถึง วันเสาร์ที่ 16 ตุลาคม 2553 โดยถือเป็นประเพณีที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาเป็นเวลานาน    เมื่อถึง
    เทศกาลผู้คนจะงดเว้นการบริโภคเนื้อสัตว์ทุกชนิด อันเป็นเหตุให้ไม่ต้องแสวงหาเนื้อสัตว์ หยุดการเบียดเบียนชีวิตผู้อื่น ซึ่งถือเป็นการรักษาศีล   อุทิศ
    ส่วนกุศลให้กับญาติพี่น้องผู้ล่วงลับไปแล้ว หรือเพื่อแสดงถึงการตัดกิเลสจากโลกภายนอก และการกินเจยังเป็นการชำระล้างร่างกายให้สะอาด   และ
    ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพ


    ความหมายของเจ

              คำ ว่า "เจ" ในภาษาจีนทางพุทธศาสนาฝ่ายมหายานมีความหมายว่า "อุโบสถ" เดิมหมายความว่า "การรับประทานอาหารก่อนเที่ยงวัน" ตามแบบ
    อย่างของชาวพุทธที่รักษาอุโบสถศีล หรือรักษาศีล 8 ที่จะไม่รับประทานอาหารหลังเที่ยงวันไปแล้ว แต่สำหรับพุทธนิกายมหายานนั้น  การรักษาอุโบสถ
    ศีลจะรวมถึงการไม่รับประทานเนื้อสัตว์ด้วย เราจึงนิยมเรียกการไม่ทานเนื้อสัตว์รวมไปกับการกินเจ ในปัจจุบันผู้ที่รับประทานอาหารทั้ง 3 มื้อ   แต่ไม่กิน
    เนื้อสัตว์ก็ยังคงเรียกว่า "กินเจ" ดังนั้นความหมายของคนกินเจ ไม่เพียงแต่ไม่ทานเนื้อสัตว์ แต่ยังต้องดำรงตนอยู่ในศีลธรรมอันดีงาม      มีความบริสุทธิ์
    สะอาด ทั้งกาย วาจา ใจ


    ความเป็นมาของการกินเจ           
               ประเพณีการกินเจกำหนดเอาวันตามจันทรคติ คือเริ่มต้นตั้งแต่วันขึ้น 1 ค่ำ ถึง ขึ้น 9 ค่ำ เดือน 9 ตามปฏิทินจีนทุกๆ ปี รวม 9 วัน 9 คืน  มีจุด
    เริ่มต้นจากประเทศจีนมานานแล้ว โดยมีตำนานเล่าขานกันหลายตำนาน เจ ในภาษาจีนทางพุทธศาสนาฝ่ายมหายานมีความหมายเดียวกับคำว่า อุโบสถ
    ดังนั้นการกินเจก็คือการรับประทานอาหารก่อนเที่ยงวัน เหมือนกับที่ชาวพุทธในประเทศไทยที่ถืออุโบสถศีล หรือรักษาศีล 8 โดยไม่รับประทานอาหาร
    หลังจากเที่ยงวันไปแล้ว




    ประวัติความเป็นมา

              เทศกาลกินเจจริงๆแล้วเป็นช่วงเวลาแห่งการไว้ทุกข์ 10 วัน แด่คน 9 คน ซึ่งเป็นชาวฮั่นที่ได้ทำการปฏิวัติต่อต้านพวกแมนจูแต่ไม่สำเร็จจึงถูก
    ประหารชีวิตโดยการตัดคอและโยนลงสู่แม่น้ำหลังจากนั้น ก็มีเจ้ามารับวิญญาณทั้ง 9 ไป     ชาวจีนจึงยกย่องให้ชายทั้ง 9 เป็น เจ้าแห่งเทศกาลกินเจ
    เมื่อถึงเทศกาลกินเจ ก็คือการไว้ทุกข์ให้บุคคลทั้ง 9 คน ซึ่งเราเรียกกันว่า เจ้า วันกินเจก็จะไม่ตรงกันทุกปี ถ้าจะดูจากปฏิทินของไทย    แต่ถ้านับจาก
    ปฏิทินจีน 1 เดือนก็จะมี 29 - 30 วัน จะไม่มีวันที่31วันกินเจ วันแรกจะตรงกับวันสุดท้ายของเดือนที่แปดนับจากปฏิทินจีนถ้าดูจากปฏิทินจีน เทศกาล
    กินเจก็จะตรงกันทุกปี
     

    สีที่ใช้
              เมื่อสมัยก่อนนั้นจะใช้ได้แต่ สีขาว สีเดียว คือ ต้องแต่งกายสีขาวห้ามมีลาย ห้ามแต่งหน้า ทำผมรวบผมก็ไม่ได้   เพราะถือว่าเป็นการไว้ทุกข์
    แต่ปัจจุบันความเชื่อพวกนี้ก็ เริ่มเลือนหายไปแล้วเนื่องจากลืมกันไปว่าเทศกาลกินเจ คือช่วงเวลาแห่งการไว้ทุกข์ พักหลังก็ได้อนุญาตให้ใช้ สีเหลือง
    ได้อีกสีเพราะ ถือว่าสีเหลืองคือสีของเจ้า แต่คนที่เคร่งครัดจริงๆ ก็ยังใส่แต่สีขาวอย่างเดียว 


    อาหารที่ทานได้
              จะเป็นผักแต่ไม่ทุกชนิด ยกเว้นผักที่มีกลิ่นฉุน ทานแล้วมีกลิ่นปาก เช่น ผักชี,ผัก กุยช่าย ต้นหอม, กระเทียม ส่วนผลไม้ สามารถรับประทาน
    ได้ทุกชนิด และงดเว้นเนื้อสัตว์ทุกชนิดแต่บางคนรับประทานหอยนางรม สาเหตุทานได้เพราะหอยนางรมเคยช่วยชีวิตเจ้าแม่กวนอิมเอาไว้เรื่องมีอยู่ว่า
    วันนั้นเจ้าแม่กวนอิเดินทางแล้วรู้สึกหิวมากเหมาะกับเจอทะเลจึงเอ่ยไปว่าตอน นี้หิวมากจะมีสัตว์อะไรที่สามารถทานได้บ้าง  หอยนางรมจึงลอยขึ้นมา
    ให้เจ้าแม่กวนกิมได้ทานบางคนจึงนับหอยนางรมเป็นอาหารเจ ด้วยและที่แปลกคือหอยนางรมนั้นไม่มีเลือด     ปัจจุบันก็ได้มีทำอาหารเลียนแบบโดย
    ใช้แป้ง ทำเป็น หมู เป็ด ไก่ มีรสชาติไม่แตกต่างไปจากเนื้อสัตว์ เพื่อนเจเราจะเรียกว่า แจอิ๊ว   ก็หมายถึงเพื่อนที่กินเจเวลาร้านค้าเรียกลูกค้าในวันนั้น
    ก็จะเหมารวมคนใส่ชุดขาวว่า แจอิ๊ว ไปทั้งหมด


    ในการไหว้เจ้า 
              ถ้าเป็นศาล เจ้าเขาก็จะมีแบ่งว่าถ้าไม่ได้กินเจหรือแต่งกายให้เหมาะสมก็จะไม่สามารถเข้า ไปไหว้ข้างในศาลเจ้า ไหว้ได้เฉพาะข้างนอกเท่านั้น
    ของที่ใช้ไหว้ก็ไม่ต่างจากไหว้ทั่วไปเท่าไร แต่ก็จำกัดบ้าง คือ เทียน จะต้องเป็นสีเหลืองเท่านั้น ส่วนธูป ก็ใช้เหมือนปกติ


    การเวียนเทียน
               จะไม่ได้เดินวน 3 รอบ ธรรมดาทั่วไป แต่จะเดินเป็นอักษรจีนซึ่งแต่ล่ะตัวก็คือคำพรแล้วคำก็ไม่ใช่ คำเดิม เสมอไป เพราะแล้วแต่การขอของ
    เจ้าภาพในปีนั้น ถ้วยชาม หากเป็น สมัยก่อนแล้ว ถ้วยชามที่ใช้ในเทศกาลกินเจ ก็จะมีชุดใหม่ซึ่งไม่ปนกับชุดที่ใช้อยู่ทุกวัน บางบ้านก็จะมีการทำความ
    สะอาดบ้านเพื่อตอนรับเทศกาลกินเจ




    ผู้ที่กินเจอาจจะมีจุดเริ่มต้นที่แตกต่างกันไป แต่จุดประสงค์หลักสามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภทดังนี้
    1. กินเพื่อสุขภาพ อาหารเจเป็นอาหารประเภทชีวจิต เมื่อกินติดต่อกันไปช่วงเวลาหนึ่งจะทำให้ร่างกายเกิดการปรับตัวให้อยู่ใน สภาวะสมดุล สามารถ
    ขับพิษของเสียต่างๆ ออกจากร่างกายได้ ปรับระบบไหลเวียนโลหิต ระบบทางเดินอาหารให้มีเสถียรภาพ
    2. กินด้วยจิตเมตตา เนื่องจากอาหารที่เรากินอยู่ในชีวิตประจำวัน ประกอบด้วยเลือดเนื้อของสรรพสัตว์ ผู้มีจิตเมตตา มีคุณธรรมและมีจิตสำนึกอันดีงาม
    ย่อมไม่อาจกินเลือดเนื้อของสัตว์เหล่านั้น ซึ่งมีเลือดเนื้อ จิตใจและที่สำคัญมีความรักตัวกลัวตายเช่นเดียวกับคนเรา
    3. กินเพื่อเว้นกรรม ผู้ที่เข้าใจอย่างลึกซึ้งย่อมตระหนักว่าการกินซึ่งอาศัยการฆ่าเพื่อเอาเลือด เนื้อผู้อื่นมาเป็นองเราเป็นการสร้างกรรม  แม้ว่าจะไม่ได้
    เป็นผู้ลงมือฆ่าเองก็ตาม การซื้อจากผู้อื่นก็เหมือนกับการจ้างฆ่าเพราะถ้าไม่มีคนกินก็ไม่มีคนฆ่ามา ขาย กรรมที่สร้างนี้จะติดตามสนองเราในไม่ช้าทำให้
    สุขภาพร่างกายอายุขัยของเรา สั้นลงเป็นบ่อเกิดของโรคภัยไข้เจ็บ เมื่อผู้หยั่งรู้เรื่องกฎแห่งกรรมนี้จึงหยุดกินหยุดฆ่าหันมารับประทานอาหาร เจ ซึ่งทำให้
    ร่างกายเติบโตได้เหมือนกัน โดยไม่เห็นแก่ความอร่อยช่วงเวลาสั้นๆ เพียงแค่อาหารผ่านลิ้นเท่านั้น


    ในช่วงเทศกาลกินเจ 9 วัน 9 คืน ผู้ที่ต้องการกินเจอย่างครบถ้วยสมบูรณ์ตามประเพณีการกินเจ จะต้องปฏิบัติดังนี้
    1. งดเว้นเนื้อสัตว์หรือทำอันตรายต่อสัตว์
    2. งดนม เนย และน้ำมันที่มาจากสัตว์
    3. งดอาหารรสจัด ซึ่งหมายถึงอาหารเผ็ด หวานมาก เปรี้ยวมาก เค็มมาก
    4. งดผักหรือเครื่องเทศที่มีกลิ่นแรง เช่น ผักชี กระเทียม หัวหอม ต้นหอม กุยช่าย รวมทั้งใบยาสูบ สิ่งเสพติดและของมึนเมาต่างๆ
    5. รักษาศีลห้า
    6. รักษาจิตใจให้บริสุทธิ์ รักษาอารมณ์
    7. ทำบุญทำทาน 8. นุ่งขาวห่มขาว สำหรับผู้ที่เคร่งครัดเพื่อการกินเจให้เป็นไปอย่างบริสุทธ์โดยแท้    จะเพิ่มการปฏิบัติโดยการกินอาหารเฉพาะที่คน
    กินเจด้วยกันเป็นผู้ปรุงเท่านั้น รวมถึงจะล้างหม้อไหจนสะอาดเอี่ยมแยกภาชนะสำหรับการปรุงอาหารเจไว้โดยเฉพาะ นอกจากนี้ยังจุดตะเกียงไว้ 9 ดวง
    ตลอดช่วงเทศกาลกินเจ 9 วัน โดยไม่ปล่อยให้ดับเพื่อเป็นพุทธบูชาและรำลึกถึงบุญคุณของพ่อแม่ญาติพี่น้อง ตลอดจนผู้ที่มีบุญคุณต่อผืนแผ่นดินเกิด




    ประโยชน์ของการกินเจ
    การกินอาหารเจ นอกจากจะเป็นการถือศีลรักษาประเพณี และละเว้นชีวิตแล้ว ยังให้ประโยชน์ต่อร่างกายดังนี้
    1. ร่างกายสามารถขับถ่ายของเสียออกได้หมดทำให้ ไม่มีสารพิษตกค้างอยู่ภายใน เพราะสารอาหารจากพืชผักและผลไม้จะช่วย
    ให้ระบบขับถ่ายและการย่อยเป็นปกติ
    2. เมื่อรับประทานเป็นประจำ โลหิตจะถูกฟอกให้สะอาดขึ้นเรื่อยๆ เซลล์ต่างๆ ของร่างกายเสื่อมสลายช้าลง ทำให้อายุยืนยาวมีผิวพรรณ
    สดชื่นผ่องใส ร่างกายแข็งแรงรู้สึก มีสุขภาพดี
    3. อวัยวะหลักสำคัญภายใน ได้แก่ หัวใจ ไต ม้าม ตับ ปอด และอวัยวะประกอบคือ ลำไส้ใหญ่ ลำไส้เล็ก กระเพาะปัสสาวะ กระเพาอาหาร
    ถุงน้ำดี แข็งแรงทำงานได้เป็นปกติสมบูรณ์
    4. ร่างกายสามารถต้านทานต่อสารพิษต่างๆ ได้แก่ สารเคมี ยาฆ่าแมลง มลภาวะ และก๊าซพิษที่เกิดจากการเผาไหม้ในอุตสาหกรรม
    ไอเสียจากเครื่องจักร เครื่องยนต์ ซึ่งสารอาหารในพืชผัก จะช่วยให้เซลล์ต่างๆ ในร่างกายสามารถทนต่อการทำลายจากรังสีต่างๆ ได้
    5. สามารถต้านทานสารพิษได้สูงกว่าคนปกติ ในบรรดาผู้ที่ทานเจมักไม่ปรากฎโรครุนแรงหรือเรื้อรัง เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง
    เส้นเลือดตีบ ไขมันอุดตันในเส้นเลือด โรคไต ฯลฯ โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวกับระบบขับถ่าย ย่อยอาหารและทางเดินอาหาร เช่น โรคริดสีดวงทวาร
    มะเร็งในกระเพาะและลำไส้ โรคกระเพาะ อาหารไม่ย่อย โรคเหล่านี้จะไม่พบเลยในกลุ่มคนผู้ที่รับประทานอาหารเจ อาหารพืชผักและผลไม้เป็นประจำ
    6.การ กินเจทำให้เกิดความเมตตา เกิดความสงบสุขุม อารมณ์ไม่ฉุนเฉียว ไม่โมโหง่าย ซึ่งจะช่วยเกื้อกูลส่งเสริมให้บารมีธรรมสูงขึ้นเรื่อยๆ
    7.หยุดการสร้างบาป เวรกรรม ทำให้ไม่เกิดการอาฆาต พยาบาท จึงปราศจากศัตรูทั้งมนุษย์และสัตว์ที่คิดมุ่งทำร้ายตามจองเวร


    10 วันของเทศกาลกินเจ

               วันแรก แต่ละศาลเจ้าก็จะดูเลิกยามว่าจะเชิญเจ้ามาเวลาไหน แต่ยังไงก็ไม่เกิน12.00น.  จะทำการ เชิญเจ้ากันที่แม่น้ำโดยการใช้ ปวย
    (ถ้าไม่ทราบว่าเป็นยังลองนึกไปถึงตอนที่เข้าศาลเจ้าจะเห็น เป็นเหมือนก้อนสีแดง ๆ 2 ก้อน) จะทราบว่าเจ้ามาก็ต่อเมื่อปวย 2 อันจะทำการเสี่ยง
    ทายโดยการโยน 2 ครั้ง แล้วปรากฏว่า 1 อันหงาย อีก 1 อันคว่ำ ก็แสดงว่าเจ้าทั้ง 9 ได้เสร็จลงมาแล้วการกินเจก็จะเริ่มขึ้นแต่คนส่วนใหญ่ก็ทาน
    กันส่วนหน้าเพื่อ เป็นการล้างท้องยิ่งพวกที่ทำหน้าที่เป็นคนเชิญเจ้าด้วย แล้วบางคนที่เคร่งก็จะทานล่วงหน้ากันเป็นเดือนทีเดียว

               วันที่สี่ เป็นวันที่คนส่วนใหญ่จะมาไหว้เจ้าเหมือนกับเป็นวันนัดกันมาไหว้เจ้า            

               วันที่เจ็ด ก็เป็นวันไหว้เจ้าอีกวันแต่วันนี้จะสำคัญกว่าวันที่สี่ เพราะถือว่าเป็นการไหว้เจ้าใหญ่ ใครจะพลาดไหว้วันไหนแต่ห้ามพลาดไหว้วันนี้
    ในวันนี้จะมีการซื้อเต่า , ปลาไหล ,นก ฯลฯ มาไหว้ด้วย

               วันที่แปด วันนี้จะมีการลอยกระทงด้วยคล้ายการลอยกระทงของคนไทย ความหมายก็ขอบคุณ เจ้าแม่คงคา สำหรับน้ำที่ให้เรา ๆ ได้ใช้และดื่มกัน
    แล้วก็ให้สิ่งไม่ดีลอยไปตามน้ำ


               วันที่เก้า เป็น วันที่คนเยอะสุด ๆ ก็ว่าได้ ตอนช่วงเช้าก็จะมีพิธีทำทาน หรือเรียกว่า ซิโกว เป็นการให้ทานแก่ พวกผีที่ไม่มีญาติคนแก่บางคน
    ก็เคยเห็นว่ามีวิญญาณมารับของไป (เป็นความเชื่อส่วนบุคคล) ตอนกลางคืน ก็จะมีแห่มังกร, สิงโต, ขบวนของเด็ก และสาว ๆ อันนี้เป็นแค่ทำสีสัน
    ไม่ได้มีความหมาย


               วันที่สิบ เป็นวันส่งเจ้ากลับ

              การกินเจนั้นจะต้องถือศีลด้วย จึงจะเป็นการกินเจ ที่ถูกต้องและสมบูรณ์





     


    Facebook Comments