ผู้เขียน หัวข้อ: 5 ปัญหา iPhone สำหรับมือใหม่ (ที่เราสามารถให้คำแนะนำลูกค้าได้)  (อ่าน 1929 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Rich

  • Global Moderator
  • Full Member
  • *****
  • กระทู้: 203
  • คะแนนน้ำใจ: 14
สำหรับผู้ใช้มือใหม่แล้ว ไม่ว่าระบบของอุปกรณ์นั้น จะถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้้ง่ายเพียงใดก็ตาม ก็ย่อมจะมีปัญหาเกิดขึ้น ซึ่งปัญหาเหล่านี้ บางครั้ง เป็นปัญหาที่มีวิธีแก้ไข หรือมีคำตอบง่ายๆ แต่ผู้ใช้มือใหม่ก็อาจจะไม่ทราบมาก่อน
ยิ่งเป็น iPhone ที่ให้คู่มือมาเพียงแผ่นพับบางๆ ในกล่องด้วยแล้ว ผู้ใช้หลายคนที่ไม่ได้มีความรู้ด้านเทคโนโลยีมากนัก ก็ย่อมจะพบกับปัญหา และถามขึ้นมาว่า "ทำไม?" พร้อมกับข้อสงสัยที่ค้างคาใจตามมา
เรามาดูกันดีกว่าครับว่า ปัญหาหลักๆ ที่ผู้ใช้มือใหม่ถามกันบ่อยๆ มีอะไรบ้าง

 1  ทำไม อยู่ดีๆ เสียงเรียกเข้าก็ไม่ดัง ถึงจะเพิ่มเสียงจนสุดแล้วก็ตาม ทำอย่างไรดี?
นี่เป็นปัญหาเส้นผมบังภูเขาอันดับต้นๆ ทีเดียว ปัญหานี้เกิดจาก ผู้ใช้ไม่รู้ว่า "iPhone มีปุ่มเปิดระบบสั่น"!
เจ้าปุ่มที่ว่า คือปุ่มสวิตซ์เล็กๆ ที่อยู่เหนือปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง ด้านซ้ายของตัวเครื่อง



หากเราเปิดสวิตซ์ให้ขึ้นแถบสีเขียว iPhone จะเข้าสู่ระบบสั่น และปิดเสียงทุกชนิดในเครื่อง (ยกเว้นนาฬิกาปลุก) ดังภาพ



เพียงเท่านี้ เสียงเรียกเข้าก็จะกลับมาดังกังวาน ได้ดังเดิม ภายในสัมผัสเดียวเท่านั้น
เมื่อทำได้ง่ายขนาดนี้แล้ว อย่าลืมปิดเสียงโทรศัพท์ เมื่ออยู่ในที่สาธารณะ อย่างโรงหนัง และห้องสมุด เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนผู้อื่นนะครับ


 2  ทำไม ลำโพงของ iPhone ถึงมีเสียงดัง "ข้างเดียว" ลำโพงเสียหรือเปล่า?
ปัญหาถัดมานี้ ก็เป็นปัญหาคลาสสิค ที่พบตั้งแต่ iPhone รุ่นแรกเลยทีเดียว
ทำไมลำโพงของ iPhone จึงดังข้างเดียว นั่นก็เพราะว่า "iPhone มีลำโพงเพียงข้างเดียว"!
ถ้าหากดัง 2 ข้าง นั่นแปลว่า คุณเจอกับ iPhone ปลอมแล้วล่ะ!
จากภาพด้านล่าง ในคู่มือ จะเห็นว่า iPhone มีลำโพงเพียงข้างเดียว และอีกข้างนั้น เป็นตำแหน่งของช่องไมโครโฟนสำหรับพูดคุยนั่นเอง



(ภาพแสดงตำแหน่งไมโครโฟน และลำโพง ของ iPhone 4)
สำหรับ iPhone รุ่นเก่า ตำแหน่งของไมโครโฟนและลำโพง จะสลับกัน



(ภาพแสดงตำแหน่งไมโครโฟน และลำโพง ของ iPhone 3GS)

 3  ทำไม อยู่ดีๆ หน้าจอถึงดับสนิท ขณะกำลังคุยโทรศัพท์?
ข้อนี้ จะเรียกว่าเป็นปัญหาก็ไม่ได้ซะทีเดียว เพราะเราต้องไม่ลืมว่า iPhone มีจอภาพเป็นระบบสัมผัส ที่รับข้อมูลด้วยการใช้นิ้ว หรือผิวหนังของเราในการป้อนข้อมูลลงไป (ที่เรียกว่า จอชนิด Capacitive)
ข้อดีของจอภาพชนิดนี้ คือ ไม่ต้องออกแรงกดจอ เพียงแค่สัมผัสเบาๆ จอก็รับคำสั่งได้ ยิ่งเป็นจอของ iPhone ที่มีความแม่นยำสูงมากด้วยแล้ว เราจึงใช้งานได้อย่างราบรื่น และไม่ติดขัด
แต่ข้อเสียก็มีเหมือนกัน นั่นคือ จอนี้จะรับคำสั่งจากผิวหนังของเรา และแก้มของเรา ก็เป็นผิวหนังส่วนหนึ่งของร่างกายเช่นเดียวกัน ทำให้เวลาคุยโทรศัพท์ แก้มอาจจะไปโดนปุ่มวางสาย หรือปุ่มอื่นๆ โดยไม่ได้ตั้งใจ
iPhone นั้นก็ฉลาด เพราะ iPhone มีสิ่งที่เรียกว่า "เซนเซอร์ตรวจวัดระยะห่าง" (Proximity Sensor) อยู่บริเวณเหนือช่องลำโพงสนทนา



(ภาพด้านบน แสดงตำแหน่งเซนเซอร์ตรวจวัดระยะห่างของ iPhone 4 สีขาว
ต่างจากสีดำ ที่เซนเซอร์นี้จะเนียนไปกับเครื่องจนแทบมองไม่เห็น)
เมื่อเราเอาใบหูไปแนบลำโพง ขณะทำการสนทนา เซนเซอร์นี้ก็จะปิดหน้าจอให้เราทันที เพื่อป้องกันการป้อนข้อมูล โดยไม่ได้ตั้งใจ
และหากเราหยิบ iPhone ออกมาจากหูแล้ว หน้าจอก็จะติดอีกครั้ง ให้เรากดป้อนข้อมูลได้ โดยอัตโนมัตินั่นเอง นับว่าเป็นนวัตกรรมที่ยอดเยี่ยมเลยทีเดียว

 4  ทำไม อยู่ดีๆ เพลงก็เปลี่ยนเอง โดยที่ยังไม่ได้ไปทำอะไรเลย ทำไมถึงเป็นแบบนั้น?
การที่เพลงเปลี่ยนเอง เกิดจากฟังก์ชันของ iPhone ที่เรียกว่า "Shake to Shuffle" หรือ "เขย่าเพื่อเปลี่ยนเพลง"
วิธีการใช้ฟังก์ชันนี้ เพียงแค่เราเขย่าเครื่องในขณะที่กำลังฟังเพลงอยู่ ในหน้าโปรแกรม iPod หรือที่แถบควบคุมเพลง (กดปุ่มโฮม 2 ครั้งติดกัน ดังภาพด้านล่าง) เพลงก็จะถูกสุ่มเปลี่ยนขึ้นมาใหม่ทันที



แต่นั่นก็อาจจะทำให้เกิดปัญหา "อยู่ดีๆ เพลงก็เปลี่ยนเอง" หากเราเขย่าเครื่องโดยไม่ได้ตั้งใจ
วิธีแก้ไขนั้นไม่ยาก แค่เราล็อคหน้าจอ หรือกดปุ่มโฮม เพื่อออกจากโปรแกรม iPod ทุกครั้ง เพียงเท่านี้ เพลงก็จะไม่เปลี่ยนเองแล้ว
หรือหากใครต้องการปิดการใช้งานในส่วนนี้ ให้ไปที่ ตั้งค่า > iPod > เขย่าเพื่อสับเปลี่ยน (Settings > iPod > Shake to Shuffle) แล้วเลื่อนแถบสวิตซ์ เพื่อปิดการใช้งาน ได้เช่นกัน

 

 5  ทำไม อยู่ดีๆ iPhone ต่อ Wi-Fi ให้เองโดยที่ไม่ได้เลือก?
หลายครั้งที่เราใช้งาน iPhone แล้วเดินทางไปตามที่ต่างๆ อาจจะพบปัญหาว่า iPhone แอบต่อ Wi-Fi ให้เราเอง
ยิ่งกับ Wi-Fi บางเจ้า ที่มีเสาสัญญาณอยู่ทั่วเมืองด้วยแล้ว เดินไปไหน iPhone ก็เชื่อมต่อให้ แต่กลับใช้งานได้ช้ากว่า EDGE เสียอีก เราก็ต้องมาคอยปิดอยู่เสมอ
แต่ปัญหานี้ แก้ไขได้ง่ายๆ เพราะปกติแล้ว iPhone จะค้นหาสัญญาณ Wi-Fi ฟรี หรือที่เคยใช้ให้เสมอ
หากเราไม่ต้องการให้ iPhone แอบเชื่อมต่อ Wi-Fi เอง เราสามารถไปปิดความสามารถนี้ได้ ที่ ตั้งค่า > Wi-Fi >  ถามเชื่อมเข้าเครือข่าย (Settings > Wi-Fi > Ask to Join Networks) แล้วเลื่อนสวิตซ์เปิด


จากนี้ไป iPhone ก็จะถามเราก่อนเสมอทุกครั้ง หากพบสัญญาณ Wi-Fi เพื่อขอคำยืนยันจากเรา ว่าจะต่อ Wi-Fi หรือไม่ เพียงเท่านี้ iPhone ก็ไม่แอบต่อ Wi-Fi เองแล้ว



 


Facebook Comments