หัวข้อ: ความรู้เรื่องอาการไม่ชาร์ท

[tanawatp]

อาการขึ้นไม่ชาร์จ ผมขอแนะนำวิธีการตรวจเช็คและแก้ไขเบื้องต้นให้แล้วกันนะครับ
ส่วนที่เป็นปัญหาเกี่ยวกับขึ้นไม่ชาร์จที่เป็นบ่อยจะมีดังนี้ครับ
1.ลายbsi
2.ลายBtemp
ทั้งนี้นั่นหมายถึงคุณตรวจเช็คแล้วว่าแบตหรือที่ชาร์จหรือลายชาร์จไม่มีปัญหานะ
ทั้ง2ส่วนนี้เกี่ยวข้องกับการชาร์จเพราะเครื่องจะตวจสอบขนาดของแบตเพื่อทำการชาร์จไฟให้เหมาะสมทางลายbsi
และตรวจสอบอุณหภูมิของตัวแบตว่าปกติไหมทางbtemp ถ้าร้อนผิดปกติจะได้หยุดการชาร์จครับ
ซึ่งสาเหตุเกิดจากมีอุปกรณ์บางตัวในลายเหล่านี้มันเสื่อมหรือเสียครับ

วิธีการตรวจสอบแก้ไข ยกตัวอย่างรุ่น 6300
ลาย bsi (มีปัญหาบ่อยมากที่สุด)
1.ต้องไล่ลายbsiว่าเดินจากไหนไปไหนบ้าง
  -จากเขี้ยวแบต


จะเห็นว่า ไลด์ bsi วิ่ง จากเขี้ยวแบต เข้า retu มีอุปกรณ์ป้องกันไฟเกิน ได้แก่ C และ วาริสเตอร์ และที่เห็น วงกลมสีแดงเอาไว้คือ R2201 ซึ่งจะมีไฟ VANA มาเลี้ยงเพื่อ ตรวจอ่านค่า โวลท์ ที่ตกคร่อมขาBSI วิธีการตรวจสอบคือ เครื่องจะอ่านระดับโวลท์ที่ตกคร่อมขาBSIจากนั้น retu จะแปลงระดับโวลท์เป็นรหัสข้อมูลด้วยA/D converter แล้วส่งให้ cpu แปลความหมายว่าเป็นแบตรุ่นไหน
 ทีนี้ถ้าโวลท์ที่ตกคร่อมขาBSIเปลี่ยนแปลงไปแตกต่างจากค่าที่ cpu ได้ถูกโปรแกรมมา จะเป็นอย่างไร  คำตอบคือระบุชนิดของแบตเทียบกับค่าที่โปรแกรมเชตมาไม่ได้ เครื่องก้อ ไม่ชาร์ทครับ
ทีนี้มันเสียตรงไหน  ส่วนมากจะเป็นอุปกรณ์ป้องกันไฟเกิน ได้แก่ C และ วาริสเตอร์ ที่ต่อตามลายBSI ที่ขาหนึ่งต่อลงกราวน์อยู่
      พวกนี้เมื่อเสียหรือเสื่อม จะทำให้โวลท์ที่ตกคร่อมขาBSIเพี้ยนไป เครื่องก็เลยแปลความหมายเพี้ยนไป
  แนวทางตรวจเช็คและแก้ไข : 
   - แบบง่ายๆก็คือยกอุปกรณ์ชุดป้องกันไฟของขาBSI(C/Varisterที่ต่อกับกราวด์)ออกทีละตัวแล้วลองชาร์จดูครับ 
     หรือแบบมีหลักการก็วัดความต้านทานเทียบกับเครื่องดี
   - ตรวจสอบลายขาดไหม ตัวต้านทานในลายมีการเปลี่ยนค่าจากเดิมไหม

 
 

[tanawatp]

2.ไลด์ Btemp

ไลด์ Btemp เกี่ยวกับการชาร์จอย่างไร :
   - เครื่องจะตรวจสอบอุหภูมิของเครื่องและแบต เพื่อพิจารณาประกอบการชาร์จด้วย ถ้าชาร์จอยู่แล้วแบตร้อนขึ้นมามากผิดปกติ เครื่องก็จะตัดการชาร์จครับ
  - วิธีการตรวจสอบคือ เครื่องจะอ่านระดับโวลท์ที่ตกคร่อมขาBTEMPของ RETU จากนั้น RETU จะแปลงระดับโวลท์เป็นรหัสข้อมูลด้วยA/D converter
      แล้วส่งให้ CPU แปลความหมายว่าตอนนี้เครื่องและแบตมีอุณภูมิเท่าไรแล้ว
  - เครื่องใช้วงจรแบ่งระดับแรงดัน
     โดยใช้ไฟ Vref 1.35โวลท์ ต่อเข้ากับตัวต้านทานตัวหนึ่ง(R2250)ทำงานร่วมกับไฟ Vref int1.35โวลท์ ต่อเข้ากับตัวต้านทานตัวหนึ่ง(R2200) ที่วงกลมไว้แล้วจึงต่อกับขาBTEMP และใช้เทอร์มิสเตอร์ (Thermister)แบบNTC
     ค่า47 กิโลโอห์มต่อเข้าขาBTEMPกับกราวด์ให้ครบวงจร  ซึ่งตัวต้านทานนี้เปลี่ยนค่าตามอุณหภูมิ เมื่ออุหภูมิสูงขึ้น ค่าความต้านจะต่ำลง
     ค่าความต้านทานที่อุหภูมิปกติอยู่ที่ 47 กิโลโอห์ม
  - เมื่ออุณหภูมิเปลี่ยนไป-> ค่าความต้านทานเทอร์มิสเตอร์เปลี่ยนไป->โวลท์ตกคร่อมที่ขาBTEMPก้อเปลี่ยนไป->เครื่องก็รู้ว่าอุณหภูมิเปลี่ยนไป
  แนวทางตรวจเช็คและแก้ไข : 
  - ลองเช็คลายโดยเน้นตัวเทอร์มิสเตอร์ก่อน อาจจะเสีย ถ้าวัดได้ค่าต่างจากนี้มากๆ
    ลองเปลี่ยนดูก่อนครับ ถ้าไม่มีก็หาตัวต้านทานธรรมดาค่า47Kมาใส่พอกล้อมแก้มได้ แต่ถ้าเตฃครื่อง/แบตร้อนมันจะไม่มีการเตือนใดๆนะ 


ทั้งนี้ขอยกเครดิตให้ท่าน BAMBOO แห่งเวปวิน ที่ได้กรุณาถ่ายทอดความรู้แก่ผม ซึ่งผมได้นำมาเผยแพร่ ต่ออีกทีคงจะเป็นประโยชน์ต่อสมาชิก SE-THAILAND ทุกท่าน ขอบคุณครับ
 

[ampmobile]

:Dเยี่ยมครับ  ขอเพิ่มเติม   โดยปกติ อาการชาร์จไม่เข้า มีอยู่ 4 สาเหตุหลัก คือ
1. ลายจาก ขั้วชาร์จ ซึ่งผ่านฟิวส์ (ต่ออนุกรม) ผ่าน คอยล์ (ต่ออนุกรม) ผ่านวาริสเตอร์ (ต่อขนานกับกราวน์) เข้าไป UEM ขาดหรือ วาริสเตอร์ ชอร์ตกราวน์ แต่ปกติถ้าลายขาด จะไม่ฟ้องอาการ  ชาร์จไม่ได้
2. ลายจาก UEM ซึ่งเป็นลายไฟ ที่ประจุไฟผ่าน R (รีซิสเตอร์ตัวใหญ่) ไปยังขั้วแบตขาด
3. UEM ซึ่งมีวงจร Chacon และ RTC (Real Time Clock) หรือสัญญาณนาฬิกา 32.768 KHz เป็นตัวควบคุมการชาร์จไฟด้วย
4. คอนเดนเซอร์ที่ Bypass ลงกราวน์ ของขา 2 (BSI) หรือ บางรุ่นอาจจะมีวาริสเตอร์ Bypass ลงกราวน์ด้วยที่ขา BSI เกิดอาการรั่วหรือชอร์ตกราวน์
ในเบื้องต้นลองเช็คจุดเหล่านี้ดูก่อนนะครับ

[kapom]

 :05 thank krabbbbbbbbbbbbbbbbbbbb

[abbabb3339]

  สองใจ

[tewa]

pยอดมากครับ

[v_mam]

มาช่วยเม้นต์ครับ
การวิเคราะห์อาการชาร์ตไม่ยากครับ แค่ดูว่า
1. มีการตอบสนองเวลาเสียบสายชาร์ตหรือไม่ ถ้ามีแสดงว่าลายจากตูดชาร์ตวิ่งไปที่พาวเวอร์ไม่ขาด
2. หากมีการตอบสนองให้ลองต่อกับ Phoenix ดู ว่าการอ่านค่า BSI และ BTEMP ปกติดีหรือไม่ โดยปกติ BSI จะไม่ต่ำกว่า 47k และ ไม่เกิน 90k ส่วน BTEMP ก้ออุณหภูมิปกติอ่ะครับ หากลายไหนมีปัญหาให้ไล่อุปกรณ์ทุกตัวที่ต่ออยู่ ส่วนใหญ่จะเป็นตัวที่ต่อขนานกันเพื่อแบ่งแรงดัน (แต่ก้อไม่เสมอไปนะครับ แค่ 99 %) อย่าลืมว่าในแบตก้อมี BSI ล่ะครับ อิอิ เด๋วตกม้าตาย แล้วก้ออย่าลืมกฏพื้นฐานคือแรงดันไฟที่นำมาแบ่งด้วยล่ะครับสมัยก่อนผมพลาดบ่อยๆ อิอิ
3. หาก ข้อสองปกติกลายจากตูดชาร์ตอาจชชอร์ตหรือรั่ว
4. ตัวพาวเวอร์เสีย
5. หากเกินกว่านี้ก้องานช้างแล้วครับ อย่าไปซ่อมมันเลย อิอิ
ปล. จริงๆ แล้ว BSI ของเครื่องและของแบตใช้มิเตอร์วัดเอาก้อรู้แล้วครับว่ามีปัญหาหรือไม่ ลองหาตัวดีๆ มาวัดดูสิครับ แล้วท่านจาบอกว่าไมมันง่ายงี้ฟระ
อ้อมีอีกอาการนึงคือชาร์ตไม่เต็มซักที อันนี้ที่เคยเจอเกิดจากกระแสไหลไปชาร์ตไม่พอ ให้ไล่จาก POWER Charout ไปหาแบตครับ นี่ยิ่งไม่ยากใหญ่ ส่วนตัวไหนเสียให้เก็บไปคิดเป็นการบ้านครับ (มีอยู่แค่ไม่กี่ตัวครับ ลายนี้ มาจากกฎพื้นฐาน I = V/R โดยปกติกระแสชาร์ตโนเกียจะอยู่ที่ 800mA/h)

[carnon]

ขอบคุณครับ

[carnon]

ขอบคุณครับ

[Hunterr]

สุดยอดไปเลยครับ

[carnon]

ขอบคุณครับ

[pimol.p]

ขอบคุณครับ

[ฤทธิ์]

ขอบคุณมากๆครับ

[pimol.p]

ขอบคุณครับ

[jd]

ขอบคุณครับ